วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

แอคคอร์เดียนของผม(ตัวใหม่ เย้ๆ)

     หลังจากผมเฝ้าดูแอคคอร์เดียนใน ebay มานานสองนาน แล้ะจากการอ่านบลอกเกอร์ ของนักเขียนท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อบล็อกว่า http://len-accordion.blogspot.com/ ที่แนะนำว่าหากจะซื้อของจากเว็บต่างประเทศให้ลองใช้บริการเว็บ http://www.tuvagroup.com/  (ผมไม่ได้ค่าโฆษณานะครับแต่อยากแนะนำผู้ที่สนใจ)
          ซึ่งผมลองใช้ดูแล้วพบว่าสะดวก เพราะ ผมไม่เก่งภาษา ไม่มีบัตรเครดิต  ไม่มีเวลาในกรณีที่ท่านอยากได้ของประมูลที่ต้องนั่งเฝ้า ที่สำคัญค่าบริการ 100 บาทเท่านั้น  ผมจึงตกลงปลงใจที่แอคคอร์เดียนของเยอรมันนี สีดำ ขนาด 48 เบส ยี่ห้อ weltmeister  ราคา คำณวน ณ วันที่ 13 ธันวาคม 2557 ค่าของ 159 เหรียญ + ค่าขนส่ง 99 เหรียญ = 258 เหรียญ คิดเป็นเงินไทย  9030 บาท ผมพยายามเลือกแบบที่ BUY IT NOW คือไม่ต้องมานั่งประมูล และมี Make Offer คือต่อรองราคาได้อีกนิดหน่อย ของผมต่อรองได้ 19 เหรียญ ดังนั้นผมจ่ายสุทธิ เพียง 239 เหรียญ = 8180+ ค่าบริการ 100 บาท รวมจ่ายจริง 8280 บาท ที่สำคัญเว็บนี้ใช้แต่อีเมล์ ดังนั้น จึงไม่ต้องกลัวโดนโกงเพราะมีหลักฐานแจ้งความได้ แล้วเขายังส่งอีเมล์ที่คุยกับฝรั่งให้เราดูตลอดด้วย  สรุปมีเงินทอนอีก19 เหรียญ
            โอเคครับราคาขนาดนี้ก็พอๆกับ Golden cup ที่เพิ่งขายไป  รอประมาณ 3 อาทิตย์ ก็มาส่งครับ ผมโชคดีที่ไม่โดนศุลการกรเรียกไปเสียภาษี ซึ่งมีโอกาส 50/50  ฟลุ๊ก จริงๆ ของมาวันที่ 2 มกราคม 2558 ผมสั่งไปวันที่(หมายถึงเว็บtuvagroup สั่ง) 15 ธันวาคม 2557 ถือว่าเร็วพอสมควรครับ อ้อ ของส่งมาจาก บัลแกเรีย นะครับ และนี่คือภาพแอคคอร์เดียนตัวใหม่ของผม




วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

แอคคอร์เดียนของผม

        อันที่จริงผมมีแอคคอร์เดียนตัวแรก เมือ ประมาณ สามปีที่แล้วเป็นของจีนยี่ห้อGOLDEN CUP สีแดง ขนาด8เบส สีแดงหน้าตาประมาณนี้     ซื้อมาในราคา 3000  บาท  ผมใช้เจ้าตัวเล็กนี้ในการฝึกจนผมสามารถเล่นได้โดยที่เสียงไม่ขาด และมือซ้าย ขวา สัมพันธ์กันในการดึงกะเพาะลม(below)เข้าออก และมือขวากดคีย์เป็นเพลง
                      
    จนเมื่อปีที่แล้วไปเจอแอคคอร์ ตัวหนึ่งราคาที่ผมสามารถเสาะหามาเป็นเจ้าของได้ ก็ยังเหนียวแน่นกับGOLDEN CUP โดยคราวนี้ขยับขึ้นมาเป็นขนาด 32 เบส สีแดงแรงฤทธิ์ เช่นเดิมหน้าตาเป็นแบบนี้

    
ตัวนี้ผมใช้ฝึกในการยืนเล่น นั่งเล่น เพื่อให้ได้ท่าทางที่สบาย และ รับรู้น้ำหนักจริงของเครื่องดนตรีชนิดนี้
ผมซื้อมาได้ประมาณ เกือบปี ผมก็วางแผนที่จะลองแอคคอร์เดียนของเยอรมันดูบ้าง โดยเลือกดูผ่านเวบ ebay  สุดท้ายจึงได้เลือกซื้อแอคคอร์เดียนยี่ห้อ weltmeister ขนาด48 เบส สีดำ และมีออบชั่นเปลี่ยนเสียงได้อีก 5เสียง โดยที่ผมได้ตัดสินใจขายน้องแดงไปเพื่อนำเงินมาซื้อตัวใหม่นี้ ในราคาไม่เกิน10000 บาท ซึ่งไม่มีทางหาของยุโรปที่ไทยในราคานี้ได้เลย  พรุ่งนี้ก็น่าจะเดินทางมาถึงแล้วสินะ

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

ปีใหม่แล้วนะ 2558 สวัสดีปีใหม่ 2558 นะเออ

ปีใหม่นี้อยากจะลองทำอะไรที่เคยอยากทำแล้วไม่ได้ทำ หรือขี้เกียจทำนั่นเอง (แง่งงงง) 5555++ โดยสิ่งแรกที่จะเริ่มทำคือ การกลับมาเขียนบล็อกของตัวเองหลังจากปล่อยให้เป็นป่าช้าเสียนาน (เงียบวังเวงมาก เข้ามาดูเมื่อวานแทบกรี้ด) มีคนบอกว่าอยากทำอะไรให้ได้ดี ต้องฝึกซ้อมทำมันบ่อยๆๆ ทุกวันเลยยิ่งดี ทำเหมือนนักกีฬา ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม (ยืมคำคุณ บัณฑิต อึ้งรังษีมาใช้ก่อน) ดังนั้นคงไม่บอกตัวเองว่าจะเขียนทุกวัน แต่อย่างน้อยจะพยายาม เขียนให้บ่อยที่สุดเท่าที่มีโอกาส จะเขียน สัญญษครับ(บอกตัวเอง) สู้ๆๆๆ

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เมื่อผมปวดฟัน

ประมาณปลายเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา รู้สึกปวดฟันกรามด้านซ้ายซี่ที่สองจากด้านใน ปวดประมาณเป็นๆหาย เวลาปวดผมก็จะกินยาแก้ปวดประจำเดือนฟาสแตน กับยาแก้ปวดฟัน แก้ปวดกระดูกคาตาแน็ค ก็พอบรรเทาไปได้ อันที่จริงฟันซี่นี้เป็นรูมาเป็นปีแล้ว แต่ผมไม่ปวดเพราะมันยังไม่ถึงส่วนที่ทำให้ปวด ซึ่งก็คือส่วนที่หมอฟันเรียกกันว่าคลองรากฟัน คุณเอ้ยพอมันทะลุมาถึงรากฟันผมรู้เลยที่เขาเคยบอกกันว่าปวดสุดของผู้ชายเราคือปวดฟัน ปวดจนปวดหัวข้างซ้ายข้างเดียว พอกินยาที่บอกไปก็หายปวดทำให้นอนหลับได้และผมมักจะปวดตอนสัก สี่ทุ่ม กับตอนประมาณสี่โมงเย็น ผมต้องเคี้ยวอาหารด้วยฟันกรามด้านที่ไม่ปวดเพียงอย่างเดียวรู้สึกเลยว่าเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดเลย จนในที่สุดผมทนไม่ไหวและ ผมบึ่งไปถามตามคลีนิคใกล้บ้านได้ความว่า ฟันผมมันถึงคลองรากฟันแล้ววิธีรักษามี 2 วิธีคือหนึ่งถอน สองรักษาคลองรากฟันซึ่งคุณหมอทุกคลีนิคแนะนำให้ผมรัฏษาคลองรากฟันเพราะฟันที่ปวดเป็นฟันกรามที่ใช้เคี้ยวอาหารแล้วให้ผมมาคิดแล้วค่อยโทรบอกหมอ ผมจะจำแนกวิธีการ และ ราคาให้ฟังดังนี้ 1.ถอน เริ่มต้นที่500-800(ในกรณีที่ถอนยาก)วิธีการก็ฉีดยาชาแล้วก็ถอน จบ อาจจะมีการเย็บเหงือกในกรณีที่มีการผ่า 2.การรักษาคลองรากฟัน เริ่มต้นที่15000-20000(ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และความกว้างความลึกของเนื้อฟันที่เสียไป) -โดยขั้นแรกหมอจะทำการทำความสะอาดภายในคลองรากฟันโดยการฉีดยาเข้าไปค่าใช้จ่ายประมาณ 6000 บาท -ขั้นที่สองใส่รากเฟันที่ยมประมาณ3500 -ขั้นที่สามทำครอบฟัน ประมาณ6500 บาท เดี๋ยวตอนหน้าผมจะมาบอกว่าผมเลือกแบบไหนและวิธีการอย่างไรครับ

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ก็แค่อยากเล่า 1

ช่วงนี้ของชีวิตผมก็ต้องขอเรียกว่า ช่วงชีวิตที่อาจจะไม่ดี แต่ก็ไม่แย่นักหรอก อย่างน้อยผมก็ยังมีงานทำ อาจจะมีอะไรที่มันติดๆขัดๆไปบ้าง แต่ผมก็มีตัวช่วย คลายความเครียดไปได้บ้าง และสิ่งนั้นก็คือ หนัง ช่วงนี้ผมเช่าวิดีโอเ่ป็นว่าเล่น และหนังที่ผมเลือกดูก็มักจะมี ทอม แฮงค์ แสดงด้วยเสมอ อย่างวันก่อนผมเช่าเรื่อง catch me if you can จับให้ได้ถ้านายแน่จริงมานั่งดู ผมชอบทอม แฮงค์ ในบทบาทตำรวจที่ไล่ล่านักปลอมแปลงเช็คคราวลูก ซะเหลือเกิน ดูเป็นเพื่อนที่ห่วงใยกันมากกว่าศัตรูคู่อาฆาต และที่ชอบที่สุดก็คือ แฟรงค์ เอแบ็คเนล จูเนียร์ คนๆนี้ เป็นมาแล้ว ทั้งนักบิน หมอ อัยการของรัฐ ทั้งๆที่มีอายุแค่ 17 ปี เขาเป็นนักปลอมเช็คมือฉมัง แต่สุดท้ายก็โดนจับ ชีวิตคนเราก้แบบนี้แหละ อาจจะเริ่มต้นได้ไม่ดี แต่สุดท้าย แฟรงค์ก็จบมันอย่างงดงามด้วยการเป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารต่าง เรื่องเช็ค และกลายเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านในปัจจุบัน

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อยากเขียน

ื้ ทั้งที่เวลาใครสงสัยอะไรมักจะถามผมเสมอ แล้วผมก็มักจะตอบข้อสงสัยนั้นได้เสมอจนใครมักบอกว่าผมต้องได้ดีทางนั้นทางนี้ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไปไม่ถึงไหน นี่กระมังครับที่โบราณท่านว่า รู้อะไร ให้รู้อย่างเดียวแต่ให้เชี่ยวชาญเถิด จะเกิดผล คงเพราะผมรู้ทุก อย่างแต่ก็รู้แค่เปลือกๆ ไม่มีอะไรที่รู้จริงสักอย่างมันจึงยังไม่เกิดผลสักอย่าง แต่ก็อย่างว่าแหละครับคนเราต้องทำตัวให้เหมือนตะปูที่ตอกไม่มิด สักวันคงจะมีใครมาเดินสะดุดหัวตะปูที่ตอกไม่มิดนี้ทีเถ้อะ สาธุ

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แรงบันดาลใจของผม

จากการอ่านหนังสือมากๆทำให้ผมทราบว่าคนแต่ละวัยส่วนใหญ่ จะชอบหนังสือต่างกัน (ย้ำว่าส่วนใหญ่) ตอนเด็กผมชอบหนังสือที่มีภาพประกอบแบบสีสันสวยงาม โตมาหน่อยเริ่มอ่านการ์ตูน พวกขายหัวเราะ มหาสนุก เบบี้ หนูจ๋า พอมาม.ต้นเริ่มชอบนวนิยายกำลังภายในแบบที่ใช้จินตนาการหน้าตาตัวละครตามคำบรรยาย รวมไปถึงวรรณกรรมเยาวชนแบบ แฮร์รี พอตเตอร์ ด้วย นักเขียนไทยที่ผมชอบมากมีหลายคน โดยเฉพาะ พญาอินทรีของวงการน้ำหมึก ใช่แล้วครับ คุณอา รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่ปัจจุบันไปสวรรค์แล้ว อีกคนคือ คุณวินทร์ เลียววาริณ โดยเฉพาะ คอลัมน์ -ำในมติชน ผมชบการผูกเรื่องที่ให้จับโกหกของแก ผมว่าการจะเขียนแบบนั้นต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลมากทีเดียวแถมใยังต้องแทรกเรื่องจริงในเรื่องหลอกให้มันกลมกลืนกัน ทั้งสองท่านนี้ นับเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ของผมที่อยากเป็นนักเขียน จนออกมาเป็นบล็อกที่ เป็นอยู่นี้เอง