วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ก็แค่อยากเล่า 1

ช่วงนี้ของชีวิตผมก็ต้องขอเรียกว่า ช่วงชีวิตที่อาจจะไม่ดี แต่ก็ไม่แย่นักหรอก อย่างน้อยผมก็ยังมีงานทำ อาจจะมีอะไรที่มันติดๆขัดๆไปบ้าง แต่ผมก็มีตัวช่วย คลายความเครียดไปได้บ้าง และสิ่งนั้นก็คือ หนัง ช่วงนี้ผมเช่าวิดีโอเ่ป็นว่าเล่น และหนังที่ผมเลือกดูก็มักจะมี ทอม แฮงค์ แสดงด้วยเสมอ อย่างวันก่อนผมเช่าเรื่อง catch me if you can จับให้ได้ถ้านายแน่จริงมานั่งดู ผมชอบทอม แฮงค์ ในบทบาทตำรวจที่ไล่ล่านักปลอมแปลงเช็คคราวลูก ซะเหลือเกิน ดูเป็นเพื่อนที่ห่วงใยกันมากกว่าศัตรูคู่อาฆาต และที่ชอบที่สุดก็คือ แฟรงค์ เอแบ็คเนล จูเนียร์ คนๆนี้ เป็นมาแล้ว ทั้งนักบิน หมอ อัยการของรัฐ ทั้งๆที่มีอายุแค่ 17 ปี เขาเป็นนักปลอมเช็คมือฉมัง แต่สุดท้ายก็โดนจับ ชีวิตคนเราก้แบบนี้แหละ อาจจะเริ่มต้นได้ไม่ดี แต่สุดท้าย แฟรงค์ก็จบมันอย่างงดงามด้วยการเป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารต่าง เรื่องเช็ค และกลายเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านในปัจจุบัน

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อยากเขียน

ื้ ทั้งที่เวลาใครสงสัยอะไรมักจะถามผมเสมอ แล้วผมก็มักจะตอบข้อสงสัยนั้นได้เสมอจนใครมักบอกว่าผมต้องได้ดีทางนั้นทางนี้ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไปไม่ถึงไหน นี่กระมังครับที่โบราณท่านว่า รู้อะไร ให้รู้อย่างเดียวแต่ให้เชี่ยวชาญเถิด จะเกิดผล คงเพราะผมรู้ทุก อย่างแต่ก็รู้แค่เปลือกๆ ไม่มีอะไรที่รู้จริงสักอย่างมันจึงยังไม่เกิดผลสักอย่าง แต่ก็อย่างว่าแหละครับคนเราต้องทำตัวให้เหมือนตะปูที่ตอกไม่มิด สักวันคงจะมีใครมาเดินสะดุดหัวตะปูที่ตอกไม่มิดนี้ทีเถ้อะ สาธุ

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แรงบันดาลใจของผม

จากการอ่านหนังสือมากๆทำให้ผมทราบว่าคนแต่ละวัยส่วนใหญ่ จะชอบหนังสือต่างกัน (ย้ำว่าส่วนใหญ่) ตอนเด็กผมชอบหนังสือที่มีภาพประกอบแบบสีสันสวยงาม โตมาหน่อยเริ่มอ่านการ์ตูน พวกขายหัวเราะ มหาสนุก เบบี้ หนูจ๋า พอมาม.ต้นเริ่มชอบนวนิยายกำลังภายในแบบที่ใช้จินตนาการหน้าตาตัวละครตามคำบรรยาย รวมไปถึงวรรณกรรมเยาวชนแบบ แฮร์รี พอตเตอร์ ด้วย นักเขียนไทยที่ผมชอบมากมีหลายคน โดยเฉพาะ พญาอินทรีของวงการน้ำหมึก ใช่แล้วครับ คุณอา รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่ปัจจุบันไปสวรรค์แล้ว อีกคนคือ คุณวินทร์ เลียววาริณ โดยเฉพาะ คอลัมน์ -ำในมติชน ผมชบการผูกเรื่องที่ให้จับโกหกของแก ผมว่าการจะเขียนแบบนั้นต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลมากทีเดียวแถมใยังต้องแทรกเรื่องจริงในเรื่องหลอกให้มันกลมกลืนกัน ทั้งสองท่านนี้ นับเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ของผมที่อยากเป็นนักเขียน จนออกมาเป็นบล็อกที่ เป็นอยู่นี้เอง

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ที่มาของคนอยากเขียน

          คนเราเกิดมาก็ต้องมีฝัน ตอนเด็กๆ ผม เคยฝันอยากป็นครู พอโตมาหน่อยอยากเป็นสถาปนิก จนใกล้จบม.ปลายก็มาเปลี่ยนอีกคราวนี้อยากทำงานด้านกฏหมาย  ที่เปลี่ยนเพราะเคยดูหนังเรื่องหนึ่ง ชื่อไทยคือ อะไรจำไม่ได้แล้ว เป็นหนังเกาหลี(อย่าคิดว่าผมบ้าเกาหลีแบบบ้านักร้อง บ้าซีรีย์นะครับ) สุดท้ายเลยมาเรียนนิติศาสตร์ซะงั้น   แต่ผมก็มีความฝันอีกอย่างที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยสักทีคืออยากเป็นนักเขียนเพราะผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   ถึงขนาดโดดเรียนไปอยู่ในห้องสมุด ครูที่โรงเรียนเรียกผมว่า หนอนหนังสือ  อาจเป็นเพราะอ่านมาก  เลยอยากเขียนหนังสือสักเล่มที่มีชื่อของผมเป็นผู้เขียน