วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อยากเขียน

ื้ ทั้งที่เวลาใครสงสัยอะไรมักจะถามผมเสมอ แล้วผมก็มักจะตอบข้อสงสัยนั้นได้เสมอจนใครมักบอกว่าผมต้องได้ดีทางนั้นทางนี้ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไปไม่ถึงไหน นี่กระมังครับที่โบราณท่านว่า รู้อะไร ให้รู้อย่างเดียวแต่ให้เชี่ยวชาญเถิด จะเกิดผล คงเพราะผมรู้ทุก อย่างแต่ก็รู้แค่เปลือกๆ ไม่มีอะไรที่รู้จริงสักอย่างมันจึงยังไม่เกิดผลสักอย่าง แต่ก็อย่างว่าแหละครับคนเราต้องทำตัวให้เหมือนตะปูที่ตอกไม่มิด สักวันคงจะมีใครมาเดินสะดุดหัวตะปูที่ตอกไม่มิดนี้ทีเถ้อะ สาธุ

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แรงบันดาลใจของผม

จากการอ่านหนังสือมากๆทำให้ผมทราบว่าคนแต่ละวัยส่วนใหญ่ จะชอบหนังสือต่างกัน (ย้ำว่าส่วนใหญ่) ตอนเด็กผมชอบหนังสือที่มีภาพประกอบแบบสีสันสวยงาม โตมาหน่อยเริ่มอ่านการ์ตูน พวกขายหัวเราะ มหาสนุก เบบี้ หนูจ๋า พอมาม.ต้นเริ่มชอบนวนิยายกำลังภายในแบบที่ใช้จินตนาการหน้าตาตัวละครตามคำบรรยาย รวมไปถึงวรรณกรรมเยาวชนแบบ แฮร์รี พอตเตอร์ ด้วย นักเขียนไทยที่ผมชอบมากมีหลายคน โดยเฉพาะ พญาอินทรีของวงการน้ำหมึก ใช่แล้วครับ คุณอา รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่ปัจจุบันไปสวรรค์แล้ว อีกคนคือ คุณวินทร์ เลียววาริณ โดยเฉพาะ คอลัมน์ -ำในมติชน ผมชบการผูกเรื่องที่ให้จับโกหกของแก ผมว่าการจะเขียนแบบนั้นต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลมากทีเดียวแถมใยังต้องแทรกเรื่องจริงในเรื่องหลอกให้มันกลมกลืนกัน ทั้งสองท่านนี้ นับเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ของผมที่อยากเป็นนักเขียน จนออกมาเป็นบล็อกที่ เป็นอยู่นี้เอง

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ที่มาของคนอยากเขียน

          คนเราเกิดมาก็ต้องมีฝัน ตอนเด็กๆ ผม เคยฝันอยากป็นครู พอโตมาหน่อยอยากเป็นสถาปนิก จนใกล้จบม.ปลายก็มาเปลี่ยนอีกคราวนี้อยากทำงานด้านกฏหมาย  ที่เปลี่ยนเพราะเคยดูหนังเรื่องหนึ่ง ชื่อไทยคือ อะไรจำไม่ได้แล้ว เป็นหนังเกาหลี(อย่าคิดว่าผมบ้าเกาหลีแบบบ้านักร้อง บ้าซีรีย์นะครับ) สุดท้ายเลยมาเรียนนิติศาสตร์ซะงั้น   แต่ผมก็มีความฝันอีกอย่างที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยสักทีคืออยากเป็นนักเขียนเพราะผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   ถึงขนาดโดดเรียนไปอยู่ในห้องสมุด ครูที่โรงเรียนเรียกผมว่า หนอนหนังสือ  อาจเป็นเพราะอ่านมาก  เลยอยากเขียนหนังสือสักเล่มที่มีชื่อของผมเป็นผู้เขียน